หลบภาษีวันนี้...อาจเจอสิ่งนี้ในอนาคต
“หลบภาษีวันนี้...อาจเจอสิ่งนี้ในอนาคต!” เรื่องจริงที่คนทำธุรกิจต้องรู้
การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันมีการแข่งขันสูง และหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เจ้าของธุรกิจต้องให้ความสำคัญคือ “ภาษี” เพราะการจัดการภาษีอย่างถูกต้องไม่เพียงแต่เป็นหน้าที่ตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของธุรกิจอีกด้วย หลายคนอาจคิดว่าการ “หลบภาษี” เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจ แต่ความจริงแล้ว การหลบเลี่ยงภาษีมีความเสี่ยงสูงมาก และอาจนำไปสู่โทษปรับมหาศาล หรือแม้กระทั่งโทษทางอาญา
ทำไมธุรกิจบางแห่งถึงเลือกหลบภาษี
- ต้องการลดต้นทุนธุรกิจ — ผู้ประกอบการบางรายมองว่าภาษีเป็นภาระที่ทำให้กำไรลดลง จึงเลือกวิธีซ่อนรายได้ หรือไม่ออกเอกสารใบกำกับภาษีเพื่อเลี่ยงการเสียภาษี
- ขาดความรู้ทางบัญชีและภาษี — เจ้าของกิจการบางคนไม่เข้าใจข้อกำหนดทางกฎหมาย ทำให้จัดทำบัญชีไม่ถูกต้องโดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็ถือเป็นการทำผิดกฎหมายเช่นกัน
- มีที่ปรึกษาที่แนะนำผิด — บางครั้งเจ้าของธุรกิจอาจได้รับคำแนะนำให้ใช้วิธีการหลบภาษีจากผู้ไม่เชี่ยวชาญ ซึ่งวิธีการเหล่านี้มักไม่ปลอดภัยและสร้างปัญหาในระยะยาว
บทลงโทษตามกฎหมายประมวลรัษฎากร
การหลบเลี่ยงภาษีไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะประมวลรัษฎากรได้กำหนดบทลงโทษไว้อย่างชัดเจน โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- กรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี
ตามมาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร ผู้เสียภาษีที่ไม่ยื่นแบบภาษี จะต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ นับตั้งแต่วันพ้นกำหนดยื่นแบบ หากเกิน 2 ปี กรมสรรพากรมีสิทธิเรียกเก็บย้อนหลัง พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม - กรณีจงใจแจ้งรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริง
ตามมาตรา 37 หากผู้เสียภาษีจงใจแจ้งข้อความเท็จ ปกปิดรายได้ หรือยื่นเอกสารอันเป็นเท็จ จะต้องระวางโทษปรับ 2 เท่าของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ และหากมีเจตนาหลบเลี่ยงอย่างชัดเจน อาจถูกดำเนินคดีอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ - กรณีไม่ออกใบกำกับภาษี
ตามมาตรา 90 หากไม่ออกใบกำกับภาษีให้ถูกต้อง มีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาทต่อครั้ง และยังต้องรับผิดชำระภาษีที่หลีกเลี่ยงทั้งหมด พร้อมเงินเพิ่มตามอัตราที่กำหนด
ผลกระทบที่เกินกว่าค่าปรับ
- เสียความน่าเชื่อถือ — เมื่อถูกตรวจสอบและพบการกระทำผิด ลูกค้าและคู่ค้าจะขาดความเชื่อมั่น ซึ่งอาจส่งผลให้ธุรกิจสูญเสียโอกาสทางการตลาด
- ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อ — ธนาคารและสถาบันการเงินมักพิจารณาข้อมูลทางการเงินและภาษี หากบัญชีไม่โปร่งใสจะไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อขยายธุรกิจได้
- สูญเสียเวลาทำธุรกิจ — การถูกตรวจสอบภาษีต้องใช้เวลาและทรัพยากรจำนวนมาก ทำให้เสียโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ
วิธีป้องกันการถูกตรวจสอบภาษี
- ทำบัญชีให้ถูกต้องตามกฎหมาย — บันทึกรายรับ รายจ่าย และออกเอกสารใบกำกับภาษีทุกครั้งที่มีธุรกรรม
- ยื่นแบบภาษีตรงเวลา — เช่น ภ.พ.30 ภ.ง.ด.50 ภ.ง.ด.51 ควรยื่นตามกำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงเงินเพิ่ม
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและภาษี — เลือกที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์และเข้าใจกฎหมาย เพื่อให้คำแนะนำที่ถูกต้อง
- เก็บเอกสารประกอบการบัญชีไม่น้อยกว่า 5 ปี — อ้างอิงมาตรา 87/3 ประมวลรัษฎากร เพื่อใช้เป็นหลักฐานในกรณีถูกตรวจสอบย้อนหลัง
สรุป
การหลบภาษีอาจดูเหมือนเป็นวิธีช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะสั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผลลัพธ์ที่ตามมามีความรุนแรงและส่งผลเสียต่อธุรกิจอย่างมหาศาล ไม่เพียงต้องจ่ายค่าปรับสูงและเสี่ยงต่อโทษจำคุก แต่ยังทำให้สูญเสียความน่าเชื่อถือและโอกาสเติบโตในอนาคต ผู้ประกอบการควรเลือกทางที่ถูกต้องด้วยการทำบัญชีและภาษีอย่างโปร่งใส เพื่อสร้างธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน “ภาษีไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่คือการลงทุนเพื่อความน่าเชื่อถือในอนาคตของธุรกิจคุณ”
บทความนี้จัดทำเพื่อการให้ความรู้ทั่วไป ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมายเฉพาะกรณี